เมื่อผมพาคุณแม่เที่ยวกรุงเทพฯ 2 วัน
ระหว่างที่ผมมาฝึกงานอยู่ กรุงเทพ ได้ 2 เดือนแล้ว และต้องอยู่ไปอีก 2 เดือน ครึ่งทางพอดีกับการฝึกงาน คุณแม่ผมมีแผนจะบินจากลำปางมาเที่ยว กรุงเทพ (ที่จริงจะมาดูหอ ว่าเป็นยังไง) และนอนที่กรุงเทพ 2 คืน คุณแม่จะขึ้นเครื่องที่ลำปาง ตอน 11 โมงจะถึงดอนเมืองประมาณ เที่ยงนิดๆ ผมเลยวางแผนว่าจะออกจาหอ (สาธุประดิษฐ์) ประมาณ 11.20 น่าจะถึงดอนเมืองก่อนที่คุณแม่จะถึงประมาณ 10 นาที และจากนั้นเราจะไปเที่ยววัดพระแก้วกัน (:
ต้องบอกก่อนนะ ว่ารูปในบทความนี้เป็นรูปจากกล้องมือถือผมเอง ภาพอาจจะแย่นิดนึง (ถ่ายภาพไม่เก่ง) ผมไม่ได้มือโปรอะไรนัก ฮ่าๆ
วันที่ 1
แล้วก็ถึงวันสำคัญ เย้ๆ วันเสาร์ที่ 20 ก.พ. 59 ผมตื่นเช้าเก็บกวาดห้อง เดี๋ยวคุณแม่จะมาละ ก่อนอื่นต้องไปจองห้องรายวันให้คุณแม่ก่อน หอผมนี่แหละ เค้ามีห้องแบบรายวันด้วย นอนห้องผมไม่ได้เพราะไม่มีหมอน ผ้าหุ่มที่นอนเลย ผมไปถามเจ้าของหอ บอกว่าแม่จะมานะ ขอจอง 2 คืน ป้าบอกราคาคืนละ 700 บาท (โครตจะแพงกับสภาพห้อง เพราะผมเคยนอนมาก่อน แต่ไม่มีทางเลือก แถวนี้หาโรงแรมยาก) โอเค ตกลง แล้วผมก็เดินออกจากหอ เดินไปปากซอยขึ้นแท็กซี่ไปดอนเมือง โบกๆ จอดด้วยคร้าบ แล้วก็ขึ้นรถ คนขับเป็นลุงคนนึง ผมบอกลุงว่าขึ้นทางด่วนเลยนะลุง
ใช้เวลาประมาณครึ่ง ชม รถไม่ได้ติดอะไรเพราะอยุ่บนทางด่วน โทรเวด้วย รวมค่าโดยสาร 227 บาท ค่าทางด่วนอีก 120 บาท ผ่านสองด่าน ผมนั่งรอคุณแม่ที่ อาคารผู้โดยสารขาเข้าประมาณ 20 นาที คุณแม่ก็มา พร้อมกับเป้ใบนึง ที่ไม่ค่อยหนักมาก จากนั้นเราก็ขึ้นแท็กซี่ไปวัดพระแก้ว โดยไปขึ้นที่อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 3 คนขับเป็นคนวัยกลางคน คุยสนุกพอได้เลย ถึงวัดพระแก้ว ค่าโดยสาร 220 ค่าทางด่วน 120 บาทเหมือนเดิม คนขับแนะนำว่า ไปไหว้ศาลหลักเมืองก่อนมัยอยู่ตรงข้ามวัดพระแก้วนี่เอง แม่ผมก็ตกลง โอ้โหวัดพระแก้วสวยมาก นี่ขนาดอยู่ข้างนอกนะ ไม่ทันอะไร ป้าที่ขายดอกไม้ก็วิ่งมาอย่างไว ขายดอกไม้ 20 บาท ที่มีแค่ดอกบัว ธูปเทียน พร้อมบอกว่าข้างในแพงกว่านี้นะ ป้าอีกคนมาตื้อให้ซื้อกระดาษอะไรสักอย่างด้วย แต่ก็ไม่ได้ซื้อนะ แม่ผมตกลงซื้อดอกไม้ชุดนึง 20 บาทให้ผม ส่วนคุณแม่ไปซื้อข้างในศาลกลักเมืองที่ขายเป็นชุดใหญ่ 60 บาท ในจานมีธูปเทียน ดอกไม้ ผ้าสีเอาไว้ไปพันเสา มีขวดน้ำมัน ประมาณนี้แหละ พอเดินเข้าไปจะมีป้ายบอกด้วยว่าจุดไหนใช้อะไรไหว้
ภายในศาลา คนเยอะพอสมควรเลย มีเซียมซีให้เสี่ยงทาย เสียงก็อกๆแก็กๆตลอด แน่นอนว่าคุณแม่ผมก็ไปเสี่ยงทายกับเขาด้วย
ภายในศาลามีพระให้พร รดน้ำมนต์กับญาติ โยม
ด้านข้างศาลามี จุดให้อ่านประวัติของศาลหลักเมือง
ศาลหลักเมืองจริงๆจะเป็นอาคารสีขาว ภายในมีเสาหลักเมืองด้วย จะแคบๆหน่อย แต่ผมไม่ได้เข้าไป เพราะคนเยอะมากๆ
คุณแม่ผมก็เอา ผ้าไปผูกกับเสาบริเวณศาลา ผ้าที่ซื้อมาในชุด 60 บาท นั่นแหละ พอคนผูกเยอะๆ ก็มีคนมาเก็บ แล้วก็อาจไปใส่ในจานขายใหม่ละมั้ง
พอเดินชมจนทั่วศาลหลักเมืองแล้วก็เดินออกมา ซื้อไอศกรีมกิน 25 บาท นั่งพอสักแปบนึง อากาศตอนนี้ร้อนมาก
พอออกจากศาลหลักเมืองมา ก็จะพบกับวัดพระแก้วอยู่อีกฝั่งของถนน ว่าแต่ทางเข้ามันอยู่ทางไหนเนี่ย ร้อนก็ร้อน รถก็เยอะด้วย
ผมกับคุณแม่ก็เลยเดินๆตามนักท่องเที่ยวไป อากาศร้อนมากทีเดียว
เดินๆตามๆไปจนถึงประตูนึงที่ให้เข้าหรือออกเฉพาะคนไทยเท่านั้น ผมกับคุณแม่ขี้เกียจจะเดินไปประตูใหญ่ละ เข้าประตูตรงนี้ละกัน (ประตูมณีนพรัตน์) ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต้องไปประตูถัดไป คือประตูวิเศษชัยศรี ซึ่งจากประตูนพรัตน์ไป ประตูวิเศษชัยศรีก็ไกลมากๆเลยทีเดียว
พอเดินๆเข้ามาก็ เข้ามาเจอวัดพระแก้วเลย น่าจะเป็นส่วนโบสถ์ เจดีย์ คนเยอะมากๆ
นักท่องเที่ยวจีน เยอะสุดๆ ดูจากการแต่งตัวแล้วก็ภาษาที่ใช้ ทางขึ้นโบสถ์นี่เต็มไปด้วยคน ชั้นวางรองเท้าถูกแบ่งเป็นสำหรับคนไทย และต่างชาติ ซึ่งก็เต็มทั้งคู่ จนล้นออกมาเลยละ
มียักษ์ด้วย ยืนตรงประตูแต่ละประตู สวยและวิจิตรงดงามมาก ผมพึ่งเคยเห็น
ผมเข้าไปข้างในโบสถ์กับคุณแม่นะ แต่ข้างในเขาห้ามถ่ายภาพ
เสา และความงดงามนี่ละเมียดละไม มากๆ นักท่องเที่ยวนี่ถ่ายภาพกับเสาเต็มไปหมด
งานเซลฟี่ก็ต้องมา ร้อนและแบกกระเป๋าด้วย ไม่มีที่ฝากแน่ๆแถวนี้
ทัวจีนจะมีไกด์คอยรวมกลุ่มๆ รอบๆโบสถ์
ตอนนี้ ผมกับคุณแม่เริ่มเหนื่อยละ ฮ่าๆ วัดมันใหญ่มาก เดินไม่ทั่วเลย
นักท่องเที่ยวแน่น และเต็มไปหมดเลย ตรงนี้เป็นเหมือนส่วนกำแพงที่มีหลังคายาวๆ มีพื้นที่พอนั่งได้
เดินจนเมื่อย ตอนนี้ต้องหาทางออกละ หาประตูไม่เจอเลย หลงทางฮ่าๆ จนเดินไปเดินมาก็เจอป้าย แล้วก็เดินๆ ออกมาทางประตูเดิม
แล้วเราก็โบกแท็กซี่ ไปเที่ยวต่อ คุณแม่อยากไปเดินห้างสยามพารากอน เซนทรัลเวิล โบกยากมากๆ เจอแท็กซี่ปฏิเสธไปสองคันได้ สงสัยอยากได้ลูกค้าต่างชาติหรือไม่ก็ขี้เกียจไปแถวๆสยาม แต่ก็ได้คันนึง เพราะพี่แกเป็นรถแบบเงินเดือน เลยไม่เลือกลูกค้า ค่าแท็กซี่ไปสยามพารากอน 100 บาท
จนถึงสยามพารากอน ก่อนอื่นเลยหาไรกินก่อน ผมก็จำไม่ได้ว่ามันอยู่ตรงไหนก็เดินๆหา จนต้องไปถามพนักงาน จึงรู้ว่ามันอยู่ชั้น G ผมและคุณแม่เลยเดินไปกินที่ศูนย์อาหารชั้น G ซึ่งแน่นอนว่าคนเยอะ และกว่าจะหาที่นั่งได้ก็นาน พอได้แล้วก็ไปแลกการ์ด แล้วก็ไปสั่งอาหาร ผมสั่งราดหน้าหมู จานละ 75 บาท ราคาปกติของที่นี่สินะ น้ำก็ขวดละ 20 บาท
กินจนอิ่ม เดินๆดูแล้ว คุณแม่บอกว่าของที่นี่แพงมาก ผมเลยพาเดินไปเซนทรัลเวิล ซึ่งเดินไปไม่ไกล
มาถึงก็เสียงดังมาเลย มีมินิคอนเสิต ของนักร้องญี่ปุ่นอะไรสักอย่าง
คนดูก็เยอะนะ ปกติผมไม่ได้ดู เพลงหรือศิลปินญี่ปุ่น เลยไม่รู้จัก
เดินดูจนทั่วๆห้างก็ยังไม่ได้ของอะไรเลย ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ก็ต้องกลับที่พักแล้วละครับ ซึ่งอยู่ที่สาธุประดิษฐ์ ผมเลยออกมาหน้าเซนทรัลเวิล โบกแท็กซี่เจอปฏิเสธไป 5-6 คันเลย เหอะๆ จนต้องเดินไปที่ขึ้นแท็กซี่ ที่ทางห้างจัดให้ แล้วก็ได้กลับ ค่าแท็กซี่ 100 บาท ไปสาธุประดิษฐ์ ผมลงตรงบริเวณปากซอยสาธุประดิษฐ์ 34 ซึ่งเป็นบริเวณตลาด ขายอาหารข้างทาง เราจะซื้อไปกินที่ ที่พักกัน สภาพทางเดินซื้อของนี่ คนเยอะมากๆ แออัดสุดๆ แต่ราคาอาหารถือว่าไม่แพงนะ
แล้วเราก็กลับที่พักกัน จบวันนี้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปเที่ยวต่อ ผมจะพาคุณแม่ไปเที่ยวเซนทรัลพระราม 3 ใกล้ๆ ที่พักนี่เอง เพราะคุณแม่อยากช็อปปิ้งของ Sales ฮ่าๆ
วันที่ 2
วันนี้เราจะไปเที่ยวต่อกัน ช็อปปิ้งต่อจากเมื่อวานที่ไม่ค่อยได้อะไรติดมือเลย วันนี้จะไปเซนทรัลพระรามสามกัน โดยขึ้นวิน ไปคนละ 25 บาท แล้วก็ถึงเซนทรัลอย่างรวดเร็ว พอเข้าไปถึงก็โป๊ะเช๊ เสื้อผ้า ลดราคา 50-90% คุณแม่ผมเข้าไปอย่างรวดเร็ว เดินช็อปๆ ดูอยู่นาน แล้วก็ได้มาหลายตัว แฮ่
เซนทรัลพระราม 3 ของเยอะมาก คุณแม่ผมก็เดินช็อปๆ ทั่วไปหมด
อาหารก็มีขายนะ เป็นเหมือนบูธตามฤดูกาล อารมณ์เหมือน ผมเดินเซนทรัลแอพอร์ตเชียงใหม่เลยละ
ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว ผมกับคุณแม่ก็จะไปหาศูนย์อาหาร ซึ่งอยู่ชั้น 6 คุณแม่บ่นว่าทำไมไปสร้างสูงจัง ขี้เกียจขึ้น พอถึง ผมก็แลกการ์ดสั่งอาหารเลย ข้าวผัดปลาหมึกไข่ดาว 60 บาท ที่นี่คนไม่ค่อยจะเยอะเท่าไหร่ ดูโล่งๆ
ชาเย็นแก้วละ 30 บาท ผมว่าอันนี้คุ้มนะ ได้เยอะดี
หลังจากทานอาหารจนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว คุณแม่อยากไปเดิน แพลตตินัมประตูน้ำ เราเดินลงจากชั้น 6 ไปขึ้นแท้กซี่หน้าห้าง โบกแท็กซี่ ไปแพลตตินัมประตูน้ำครับ พี่แกบอกแก็สไม่พอ ไปไม่ได้ อ้าว กรรม ไม่เป็นไรๆ เลยต้องไปโบกอีกคัน แล้วก็ได้ เย้ พี่คนขับคนนี้ชำนาญทางมาก พาลัดเลาะไปตามทางในซอยอย่างเชี่ยวชาญ แล้วก็ถึงแพลตตินัม ค่าโดยสาร 100 บาท
คุณแม่ผมชอบที่นี่มากๆ ของมันไม่แพง มีให้เลือกเยอะด้วย เป็นพวกเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นั่นเอง แน่นอนว่าคนนี่เยอะสุดๆ ต่างชาติก็เยอะนะ แต่ก็ซื้อเยอะไม่ได้คุณแม่ขี้เกียจขนขึ้นเครื่องกลับ
พวกกระเป๋าอยู่ ZONE 3 ชั้น 3 ซึ่งที่นี่แบ่งชัดเจนมาก
พอเลือกซื้อของจนพอใจแล้วเราก็จะไปเที่ยวที่สุดท้ายกัน คือ เอเชียทรีค ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ถนนเจริญกรุง ขึ้นแท็กซี่หน้าห้าง ที่ทางแพลตตินัมจัดเตรียมไว้ให้ มีตำรวจคอยอำนวยความสะดวก แท็กซี่ไม่ปฏิเสธแน่ๆ พอขึ้นแท็กซี่แล้วรถไม่ติดเลย ถึงอย่างรวดเร็ว ค่าโดยสาร 100 บาท
พอเดินเข้ามาจะมีตรวจกระเป๋าก่อนเข้าด้วยนะ เข้ามาอีกหน่อยจะมีแผนที่และประวัติให้อ่านซึ่งน่าจะมีประวัติที่เนิ่นนานและน่าสนใจเหมือนกันนะ คร่าวๆก็คือเคยเป็นโกดัง ท่าเรือมาก่อน ซึ่ง ร.5 ให้สร้างบริเวณนี้ เป้นจุดค้าขายระหว่างประเทศที่สำคัญของสยาม
เดินข้างมาอีกนิดจะพบกับช้าง
เขาจะจัดเป็นรุปแบบโกดังๆ ขายของ ขายอาหาร ตอนผมมามันยังเย็นๆ ร้อนๆอยู่คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ น่าจะสวยถ้าเป็นช่วงกลางคืน
มีรั้วแขวนกุญแจด้วย เหมือนต่างประเทศเลย ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไร สวยดีนะ
เดินๆ ไปๆมาๆ ก็จะทะลุมาด้านที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา สวยมาก คนเยอะด้วย ฮ่าๆ
ความจริงแล้ว สามารถมาทางเรือได้ด้วยนะ
มีรูปปั้นแรงงานจีนด้วย ดูจากผมเปีย ที่นี่คงเคยมีแรงงานจำนวนมากทำงานอยู่
เดินๆมาตามทาง ริมแม่น้ำเรื่อยๆ
มีชิงช้าสวรรคด้วย ใหญ่และสูงทีเดียว ผมชวนคุณแม่ขึ้น แต่คุณแม่ไม่เอาด้วย กลัว
ขับรถเล่นก็ได้ มีสนามให้ขับ ส่วนใหญ่จะเป็นสำหรับเด็ก เห็นเด็กขับกัน น่าสนุกดี แต่ผู้ใหญ่ก็ขับได้
เดินจนพอสนุกๆ ต้องหาอะไรกินแล้ว แต่ที่นี่มีแต่อาหารนอก อาหารเวียดนาม ญี่ปุ่น ซึ่งคุณแม่ผมไม่ค่อยชอบ คุณแม่อยากทานน้ำพริก เลยจะไปซื้อที่เดิมกับเมื่อวาน คือที่ตลาด สาธุประดิษฐ์ เลยเดินออกมาเรียกแท็กซี่ ค่าโดยสาร 70 บาท พอซื้อเสร็จก็กลับที่พักครับ
จบแล้ววันที่ 2 เที่ยวสนุกมาก ช็อปปิ้งจนเมื่อยขาเลยละ แต่คุณแม่ผมสบายมาก ฮ่าๆ พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับลำปางแล้วละ
เดินทางกลับ
วันที่ 3 แล้ว วันนี้คุณแม่จะขึ้นเครื่องกลับลำปาง โดยผมจะไปส่งที่สนามบินดอนเมือง แต่ว่าคุณแม่อยากไปเที่ยวเจ้เล้งที่ดอนเมืองก่อน ค่อยไปสนามบิน ผมกับคุณแม่ก็เรียกแท็กซี่ที่ปากซอยไปเจ้เล้ง ค่าโดยสาร 200 บาท ค่าทางด่วนรวม 120 บาท มาถึงเจ้เล้ง เกือบๆ 10 โมงซึ่งห้างยังไม่เปิดเลย แต่คนรอเต็มหน้าประตูแล้ว ผมแบกสัมภาระมาด้วย โชคดีที่นี่มีที่ฝากของ ห้างเจ้เล้ง อยู่ใกล้ๆสนามบินเลย แบ่งเป็น 2 ห้าง คือ ห้างที่เป็นร้านของเจ้เล้งเอง และห้างที่เป็นร้านค้าร่วม เรียกว่าเจ้เล้งพลาซ่า
ห้างของเจ้เล้งจะขายของนอก นำเข้า เสียดายเขาห้ามถ่ายภาพในห้าง ของราคาไม่แพงนะ ดูจากโฟมล้างหน้าที่ผมใช้อยู่ ชั้น 1 จะขายพวกครีม เครื่องสำอาง ลูกค้าเพียบเลย ที่สำคัญพนักงานขาย อยู่ทุกๆ 3 เมตรเลยทีเดียว และแม่ผมก็ได้ครีมมา 1 อัน จากนั้นก้เดินๆมาชั้น 2 และ 3 ที่ชั้นลอย ระหว่างชั้น 1 ไป 2 จะเป็นเหล้าไวน์ นำเข้า ส่วนชั้นบนๆจะเป็น ขนม นำเข้า ที่นี่ผมว่าวางของได้ดีนะ ที่บันได ยังมีของขายเลย พนักงานขายก็เยอะมากด้วย ช็อปปิ้งจนพอใจแล้วก็ชำระเงิน เดินไปอีกห้างนึง
ห้างเจ้เล้งพลาซ่าจะเป็นร้านร่วม อยู่ข้างๆกับร้านเจ้เล้งนั่นแหละ ห้างนี้มีบันไดเลื่อนด้วย ดูกว้างดี แต่ผมกับคุรแม่มาเช้าไปห้างเพิ่งเปิดเลย ร้านค้าก็มีเปิดบ้างแล้ว แต่คนยังดูโล่งๆ
คุณแม่ผมสนใจเสื้อลายลูกไม้ แล้วก็ได้มาอีก 1 ตัว
ช็อปปิ้งเสร็จก็ไปขึ้นเครื่องกลับลำปาง ที่สนามบินดอนเมือง เดินเล่นอยู้หลายชั่วโมงเลย จะกินอาหารแต่อาหารแพงมาก ผมส่งคุณแม่เสร็จแล้ว ผมก็กลับสาธุประดิษฐ์
จบแล้ว
แฮ่ๆ และนี่ก็เป็นทริปสั้นๆ ครับ ที่ผมรู้สึกว่าได้เที่ยวจนจุใจเลย ปกติผมไม่ค่อยได้เที่ยวแบบนี้เลย เห็นคุณแม่มีความสุข ผมก็มีความสุขมากๆเช่นกันครับ หากมีข้อติชม หรือแนะนำก็ชี้แนะได้ครับ รูปภาพอาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ฮ่าๆ ถ่ายไม่ค่อยเก่ง
ขอบคุณที่ติดตามครับ (: