ทริปเที่ยวหัวหินและประจวบฯ 13-15 ก.ค. 2561
เรื่องราวนี้ต่อจาก
พอรถตู้มาถึงบริเวณหอพักผมแล้วผมก็ขนของลงจากรถไปไว้ที่ห้องของผม คุณลุงของผมซึ่งบ้านแกอยู่ใกล้ๆแถวนี้ก็เอาที่นอนมาให้ด้วย ขอบคุณมากๆครับ ขนของเสร็จเราก็รีบออกเดินทางเพราะเดี๋ยวรถจะติด รถตู้ก็ขึ้นทางด่วนที่งามวงศ์วานวิ่งไปทางพระราม 2 คุณป้าๆในรถก็ต่างตื่นเต้นชื่นชมตึกสูงต่างๆ เหมือนกับไม่เคยเห็น รถไปถึงสมุทรสงครามผมมีอากาการเมารถ เพราะไม่ได้นั่งรถนานเลยขอมานั่งข้างหน้าข้างคนขับแทนอาการก็ดีขึ้น
เดินทางไปหัวหิน
วันที่ 13 ก.ค. 2561 ช่วงเย็น
ในรถตู้ที่มากับน้าหล้า ก็มีน้าเขยของผม แล้วก็ป้าๆลุงๆใกล้ๆบ้านอีก 4 คน โดยวันนี้เราจะไปนอนค้างที่หัวหิน 1 คืน ซึ่งที่หัวหินมีญาติของผมอยู่ที่นั่นด้วย ชื่อว่าป้าหญิง เราจะเดินทางไปหา แล้วรับประทานอาหารกัน เดินทางถึงหัวหินประมาณหนึ่งทุ่ม มีฝนตกปรอยๆ ป้าหญิงพาไปร้านอาหารที่ชอบ คือ ร้านเสต็กชื่อว่า Happy Pig ผมสั่งเสต็กปลาซอสไลน์ขาว ก็อร่อยดีนะ ส่วนคนอื่นๆป้าๆลุงๆที่มาด้วยนี่สิกินไม่เป็น แถมเมนูยังเป็นภาษาอังกฤษอีกต่างหาก สุดท้ายก็สั่งตามผมกันหมด 5555
ค้างคืนที่หัวหิน
วันที่ 13 ก.ค. 2561 กลางคืน
กินเสร็จเราก็เดินทางไปพักที่ โรงแรม The Private Hua Hin ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารที่กินตอนเย็นเลย ค่าที่พักที่นี่ คืนละ 500 บาท ตอนแรกน้าจะให้ผมนอนกับพี่คนขับรถ แต่ผมเห็นว่าพี่คนขับรถเขาเหนื่อยเขาก็อยากพักแบบสบายๆ ก็เลยขอเปิดห้องใหม่ของผมเอง แล้วให้พี่เขานอนสบายๆไปเลย พอมาดูสภาพในห้องก็สะอาด ดูดีมากทีเดียว ผมนอนคนเดียวเตียงใหญ่ฟินเลย
สภาพเตียงก็นุ่มดีนะ แต่ผ้าหุ่มบางอยู่เหมือนกัน
ที่ผมไม่ค่อยโอคคือห้องน้ำ ผมว่าห้องนอนมันกว้างเกินไป ทำให้นอนน้ำแคบมาก แถมฟักบัวอยู่หลังประตูอีกต่างหาก ผมเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาหาฟักบัวไม่เจอ 5555 น้ำก็ค่อนข้างเบาแม้ว่าจะเปิดสุดแล้วก็ตาม
เดินทางไป จ.ประจวบ หาคุณยาย
วันที่ 14 ก.ค. 2561
นอนพัก 1 คืน เมื่อคืนเรานัดกับทุกคนว่า จะออกจากโรงแรม 6 โมงเพื่อไปทานข้าว วันนี้อากาศดีมาก ทำให้ผมเห็นตัวโรงแรมชัดๆ เมื่อวานมาตอนมืดแล้ว โรงแรมนี้ตอนเช้ามีแต่กาแฟให้ทานนะ ไม่มีโอวัลติน หรือขนมอะไร
จากนั้นก็ออกเดินทางไปหา ป้าหญิงที่บ้านเพื่อไปทานข้าวเช้าด้วยกัน ป้าหญิงขึ้นมารถตู้กับเราด้วย พาไปทานข้าวที่ตลาด มีข้าวต้มโจ๊ก อาหารเช้า มีที่ม้านั่งหินอ่อนหลายโต๊ะเลย ผมเลือกทานโจ๊กใส่ไข่ 25 บาท แล้วก็ปาท่องโก๋ กินเสร็จแล้วก็ไปส่งป้าหญิงบ้านแล้วออกเดินทางไป อำเภอเมือง จ.ประจวบ ระยะทางกว่า 90 km เพื่อไปเยี่ยมคุณยายครับ
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงบ้านคุณยาย คุณยายเป็นน้องสาวของคุณตาของผมครับ อายุท่านตอนนี้ 90 ปี คุณยายเป็นคนลำปางแต่ว่าแต่งงานและย้ายมาอยู่ที่ จ.ประจวบตั้งแต่สาวๆแล้ว พอคุณยายเห็นน้าหล้าคุณยายดีใจมากๆ เราพูดคุยกันเกี่ยวกับสุขภาพของคุณยาย และก็มีของฝากมากมายจากญาติๆที่ลำปางครับ
จากนั้นคุณลุงของผม (ลูกชายของคุณยาย) จะพาไปเที่ยวที่ด่านสิงขรครับ และให้คุณยายได้พักผ่อน เราออกเดินทางด้วยรถตู้ไปที่ด่านสิงขร ซึ่งก็อยู่ไม่ไกล ระยะทางประมาณ 30 km
ถึงแล้ว ด่านสิงขรคือด่านชายแดนบริเวณช่วงที่แคบที่สุดของประเทศไทย มีของใช้ ของฝากจากประเทศพม่าขายด้วย ผมก็ซื้อหินหยก หินสลักรูปช้างไปฝากคุณแม่ด้วย
ซื้อของจากด่านสิงขรเสร็จแล้วก็ไปเที่ยวต่อ รอบนี้ไปเที่ยวที่วัดอ่าวน้อย ที่มีโบสถ์ไม้สักหลังใหญ่ วัดนี้อยู่ติดทะเล
ภายในโบสถ์มีพระอยู่ 1 รูป เราก็ได้ทำบุญถวายสังฆทาน
จากนั้นคุณลุงก็ไปทานอาหารกลางวันกันที่ร้านอาหารที่มาเป็นประจำ ตอนผมมากับคุณแม่ครั้งก่อนก็มากินที่ร้านนี้ เพราะอาหารอร่อย
กินเสร็จแล้วก็เดินทางไปที่พัก ซึ่งที่พักคุณลุงเป็นคนจองให้ครับ อยู่ในตัวเมือง อยู่ใกล้ทะเลด้วย และตอนเย็นบริเวณนั้นจะมีตลาดนัด ซึงมีทุกวันศุกร์กับเสาร์ ซึ่งวันนี้เป็นวันเสาร์พอดี
ที่พักชื่อว่า ป.ปลา รีอร์ท คืนละ 800 บาท มีทั้งห้องเตียงเดี่ยว เตียงคู่ สามเตียง ผมนอนคนเดียวห้องเตียงใหญ่ฟินๆ ตอนเช้ามีขนมปังปิ้ง กาแฟ โอวัลตินให้ทานด้วย
บริเวณรีสอร์ทนี้จะมีที่นั่งหน้าห้องด้วย แล้วก็มีม้านั่งให้นั่งบริเวณตรงกลาง
ภายในห้องขนาดใหญ่มาก สะอาดสุดๆ
ห้องน้ำสะอาด แยกส่วนชัดเจน น้ำแรงดี
ในห้องมีครบทุกอย่างเลย รวมๆแล้วชอบที่นี่มาก แต่ยังไม่ได้นอนจริง ไว้ค่อยตัดสินหลังจากนอนแล้วละกัน
จากนั้นเอาของเก็บเข้าที่พักแล้ว เราจะไปเที่ยวต่อ ไปเล่นน้ำกันใครจะเล่นน้ำก็เอาเส้นผ้าไปเปลี่ยนซึ่งผมก็เตรียมมาเรียบร้อย
คุณลุงไปเราไปที่ เขาล้อมหมวก ขับเข้าไปในกองบิน ตรงนี้เห็นทะเลสองด้านเลยนะ
ก็จะมีศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกให้กราบไหว้ ที่นี่มีทหารเกณฑ์คอยจุดธูปให้ด้วย
ตรงหน้าศาลเจ้าพ่อ ก็จะมีศิลาอธิบายเขียนไว้ คร่าวๆคือเป็นตำนานว่า เจ้าพ่อนี้เป็นคนจีนย้ายมาอยู่ที่นี่แล้วทำความดีจนได้สิงสถิตย์อยู่ที่แห่งนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าทำความดีอะไรบ้าง
บริเวณนี้มีข่างแว่นด้วย เป็นตัวคล้ายๆลิง ผมก็เพิ่งเคยเห็นนะ มันอยู่ตามต้นไม้ เราสามารถซื้อข้าวโพดไปให้อาหารมันได้ ถุงละ 10 บาท มีคนมาให้อาหารมันเยอะทีเดียวทั้งฝรั่ง ทั้งคนไทย
จากนั้นเราไปเที่ยวที่อ่าวมะนาวครับ ได้เวลาเดินชายหาดเล่นน้ำแล้ว เราก็ได้โต๊ะสำหรับนั่งกินอาหารริมชายหาดแล้ว น้าเขยกับลุงๆป้าๆก็สั่งเบียร์มาดื่มกัน
ไม่นักจะมีคนอยากเล่นน้ำ มีผมคนเดียวที่อยากเล่น อะไรกันเนี่ย
แล้วผมก็เล่นน้ำ เต็มอิ่มไปเล้ยยยย เพราะไม่ได้มาทะเลนานมากๆ 4 ปีแล้วมั้ง น้ำอ่าวมะนาวที่นี่ไม่ลึก เล่นได้ปลอดภัย แต่น้าผมก็บอกว่าไม่ต้องไปไกลนะ ตอนที่ผมเล่นคนแทบไม่มีเลย มีแค่กลุ่มเด็ก กับกลุ่มผู้หญิงอวบๆ มาแช่น้ำดื่มเบียร์กันชิลมากๆ พอผมเล่นไปสักพัก ป้าๆกับน้าผมก็ลงมาแช่น้ำด้วยกัน
เล่นเสร็จจนพอใจประมาณ 17:00 ก็ไปอาบน้ำล้างตัว มีห้องน้ำบริเวณนั้น ค่าอาบน้ำ 10 บาท มีสบู่ แชมพู ขายด้วย ในห้องน้ำก็ตามสภาพแหละนะ
บริเวณทางไปเดินลงไปที่ชายหาด ผมชอบบรรยากาศแบบนี้จัง
จากนั้นก็นั่งชิล กินอะไรกันไปริมชายหาด
บรรยากาศดีมากๆ
จากนั้นรถตู้ไปส่งลุงๆป้าๆกลับที่พักก่อน ส่วนผมกับน้า น้าเขยจะไปเยี่ยมพูดคุยกับคุณยายครับ คุณยายยังยิ้มแย้มแจ่มใสดี
พอค่ำเราก็กลับที่พักครับ ไปเดินตลาดนัดหาอะไรกินใกล้ๆที่พัก
กินเสร็จก็เข้านอนครับผม แล้วก็ไม่ผิดหวังกับที่พักเลย นอนสบายมาก
เดินทางกลับ
วันที่ 15 ก.ค. 2561
หลังจากตื่นนอน เรานัดกันไว้ 7:30 โมงว่าจะออกเดินทาง โดยผมก็ตื่นมากินขนมปัง โอวัลตินของที่พัก ขนของ checkout
จากนั้นก็ออกเดินทางครับ โดยเราไปที่บ้านคุณยายเพื่อลาคุณยายครับ คุณยายก็ให้ศีลให้พร แล้วก็คุณลุงก็แนะนำว่าให้ผมลงที่นครปฐมเพราะใกล้กรุงเทพ แล้วต่อรถตู้เข้า กทม ได้เหมือนกัน
ออกเดินทางจาก จ.ประจวบฯ เราไปทานอาหารเช้าที่ร้านเจ๊ยุ๊ย อาหารใต้ ที่ อ.กุยบุรี เพราะน้าเขยผมชอบอาหารร้านนี้ แกอยากกิน อาหารก็ใช้ได้ แต่ผมไม่ค่อยชอบอาหารเผ็ดๆเท่าไหร่ ผมก็กินข้าวราดทั่วไปนั่นแหละ
จากนั้นเราก็เดินทางขึ้นเหนือต่อ ขากลับแวะรับของที่หัวหิน ป้าหญิงจะเอาของมาฝากไปลำปาง นัดกันที่สถานีรถไฟหัวหิน ทำให้ผมเพิ่งเคยเห็นสถานีรถไฟที่นี่ ที่มีชื่อเสียงว่าสวยงาม คนมาถ่ายรูปกันเยอะ
เดินทางต่อ รถขับมาเรื่อยๆจนถึงนครปฐมที่เป็นทางผ่าน เราแวะเยี่ยมญาติคนนึงที่นครปฐมที่เป็นผู้ป่วยอัมพาต มีลูกสาวคอยดูแลชื่อพี่ข้าวปั้น เราก็พูดคุยกันระยะนึง พี่ข้าวปั้นบอกว่าเดี๋ยวจะพาผมไปส่งที่คิวรถตู้ตรง ม.ศิลปากรเอง ทำให้ผมกับน้าแล้วก็ป้าๆที่มากับรถตู้ต้องแยกทางกันตรงนี้ ผมก็ลาทุกคนในรถตู้ จากนั้นพี่ข้าวปั้นก็ขับรถพาผมไปส่งที่ ม.ศิลปากร ไม่ไกลจากบ้านพี่เขา ขอบคุณพี่ข้าวปั้นมากๆครับ พอไปถึงที่รถตู้ ผมสอบถาม ทราบว่ารถตู้ไปส่งสุดทางที่ เมจอร์ปิ่นเกล้า ค่าโดยสาร 45 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงที่หมาย คนขับรถขับค่อข้างเหวี่ยง ปาดไปมา
พอถึง เมเจอร์ปิ่นเกล้า ไหนๆก็มาถึงนี่แล้วขอแวะดูหนังหน่อยละกัน ดูเรื่อง Skyscraper ราคา 220 บาท
เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ที่ซื้อตั๋วอยู่ชั้นสอง โรงหนังอยู่ชั้นสาม ดูหนังเสร็จก็ต้องเดินทางกลับหอแถวงามวงศ์วงวาน
เปิดดูใน Google map ได้ความว่าสามารถขึ้นรถเมล์สาย 66 ไปลงที่แยกพงเพษรได้เลย รอรถเมล์อยู่พักนึง รถก็มา คนขึ้นเพียบแน่นอนว่าได้ยืน ยืนไปเกือบถึงป้ายที่จะลงอะ ระยะทางมันไกลมากจริงๆ ฝนตกรถก็ติดอีก
จากนั้นก็เดินไปกินข้าวที่ เดอะมอลงามวงศ์วาน กินเสร็จก็ขึ้นรถเมล์กับที่พักครับ และคืนนี้ก็เป็นคืนแรกที่ผมได้นอนที่หอพักครับ ต้องจัดของนิดหน่อยด้วย สรุปทริปนี้สนุกมากครับ ได้เห็นทะเล เล่นน้ำก็พอใจ และที่สำคัญที่สุดเลยคือได้ไปเยี่ยมคุณยายครับ